สี่งที่แตกต่างจากเดิม
1.Output Impedance ของ DAC ที่ลดลง (เข้าใจว่า Output Impedance ของปรีฯควรจะมีค่าสุงกว่านี้ถึงจะดี???)
.gif)
NAD Pre : Output Impedance 80 ohms
DAC : Output Impedance 10 ohms
Cyber 880 : Input Impedance 100k ohms
2. เหลือสาย RCA --Blue Jeans Cable ชุดเดียว (ตัดสาย Anti-IC ที่เชื่อมระหว่าง Pre-NAD เดิม กับ แอมป์หลอด ออก)
3. ปรับ output gain ที่ Player : Audirvana Plus จากเดิม 100% เหลือ 50%
หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ น้าๆช่วยหน่อยนะคร๊าบบบ
.gif)
แต่ว่าเสียงมันน่าฟังขึ้นเยอะเลย
เสียดายแค่ถ้าเผลอปรับวอลุ่มที่ Player พลาดก็
.gif)
เสียวๆแอมป์หลอดอยู่เหมือนกัน
ทำไมเวลาต่อตรงจาก DAC เสียงถึงดังกว่าต่อจากเอาท์พุทปรี
V in amp = V out pre/source - V out pre x ( R out pre/R in amp )
สมมตุว่าแรงดันสัญญาณเอาท์พุทซอร์ส( DAC )/ปรีฯ เท่ากันคือ 2Vrms
ถ้าต่อเอาท์พุทจาก DAC, V in Cyber =2- 2( 10/100,000 ) = 1.9999Vrms
เอาท์พุทจากปรี NAD ,V in Cyber = 2-2(80/100,000 ) = 1.9992Vrms
พอเห็นภาพนะครับ ที่จริงยังมีตัวแปรอื่นๆ ด้วย อย่างเช่น เกนขยายในแต่ละช่วงความถี รวมทั้งอิมพิแดนท์
ในแต่ละความถี่ พูดง่ายๆ ว่าสเป็คเอาท์พุทอิมพิแดนท์ที่เค้าระบุมา มันอาจจะเป็นค่าที่ความถี่ใดความถี่นึง
หรืออาจจะตลอดย่านก็ได้ครับ
จริงครับน้าบี
ไม่คิดว่ามันจะลงตัวพอดี
เหลือติดปัญหาใหญ่ที่บุคคลิกของลำโพง JBL ที่มันออกแนวสด ฟังแล้วหูจะล้า
เดี๋ยวลองปรับลำโพงอีกที เผื่อจะช่วยได้บ้าง
ปัญหานี้คงรอยา......ววววววววว .gif)
เคยเอาสายสัญญาณคาร์ดาสโกล้เดนเรฟเฟอเรนซ์มาลองรึยังครับ
รึว่่าสายไฟ สายลำโพงก็ได้
บุคลิดของสายรุ่นนี้จะออกแนวอิ่มหนา เวทีเสียงกว้างใหญ่อลังการ ไดนามิคดี
บสหนานุ่มแน่น น่าจะลดความจัดจ้านลงได้บ้าง แต่ข้อเสียก็คือเบสอาจจะไม่เก็บตัวนัก
น่าลองนะครับ ไม่แน่อาจจะจบเลยก็ได้นะครับ สายรุ่นนี้เคยเป็นรุ่นท๊อปของคาร์ดาส ยังงัยก็ไม่ขี้เหร่แน่ครับ