เกริ่นนำ...หลังจากที่ห่างหายจากการเขียนรีวิวมานาน เพราะบางครั้งมีเวลาอารมณ์แต่ไม่มีเรื่องที่จะเขียน บางครั้งมีเรื่องที่จะเขียนแต่กลับไม่มีเวลาอารมณ์ที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ
วันนี้รู้สึกว่าองค์ประกอบครบหมด คือ...มีทั้งเวลาอารมณ์ แล้วก็มีเรื่องราวประทับใจที่อยากจะเล่าสู่กันฟังให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่สนใจ
ได้รับรู้ถึงความน่าทึ่งของอุปกรณ์เครื่องเคียงตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า
"Lunar 1" ซึ่งเป็นอุปกรณ์จำพวก
Brainwane Generator & Geomagnetic / Schumann Resonanceที่ทำหน้าที่ปล่อยคลื่นความถี่ต่ำระดับเดียวกันกับคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกหรือ
Schumann Resonance ซึ่งมีช่วงความถี่อยู่ราวๆ 7.83 Hz
โดยคลื่นความถี่ดังกล่าวเป็นคลื่นความถี่ต่ำในระดับเดียวกันกับความถี่ของคลื่นสมองหรือ
Brainwave ระดับ
Theta ช่วงต้นอีกด้วย


และจากข้อมูลที่ได้อ่านเจอในเวปของ Magic Box Audio คลื่นความถี่ต่ำในช่วงนี้จะส่งผลทำให้ร่างกายและสมองเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง เกิดความสงบ
สมองจะจดจำและรับรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะทางด้านภาษา ดนตรี ศิลปะ และทำให้ผู้ที่ได้รับคลื่นความถี่ระดับนี้มีสมาธิมากขึ้น
ดังนั้น...ถ้าว่ากันตามข้อมูลทางทฤษฎี เจ้าเครื่อง Lunar1 จึงช่วยกระตุ้นให้ระบบการรับรู้ รับฟังทางด้านภาพและเสียงมีประสิทธิภาพในการรับชมและรับฟังมากยิ่งขึ้น
จากคำโปรยของสรรพคุณที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าเพียงแค่อ่านผ่านๆ มันก็คือคำโฆษณาที่ฟังดูเหมือนจะโอเว่อห์เกินจริงในความรู้สึกของใครหลายๆ คน ซึ่งก็รวมถึงตัวผมด้วย
(ในตอนแรก)เพราะก่อนหน้าที่ผมจะซื้อเจ้า Lunar1 มาใช้ ผมต้องเรียนตามตรงว่า...
ผมไม่เคยสนใจและไม่เคยคิดที่จะคลิ๊กเข้าไปอ่านข้อมูลในกระทู้ที่โปรโมทเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ในเวปเครื่องเสียงเพื่อนบ้านเลย
(เวป HTG2) แต่เผอิญเมื่อสักราวๆ 4 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ ด้วยความที่ผมใช้ iPad ในการอ่านเวป มือเจ้ากรรมก็เลยคลิ๊กไปโดนกระทู้นี้เข้าแบบไม่ได้ตั้งใจ
(คือจริงๆ จะคลิ๊กอ่านกระทู้ที่อยู่ติดกัน)เมื่อเห็นว่าไหนๆ มันก็ขึ้นหน้าเพจมาแล้ว ในช่วงแรกๆ ผมก็เลยลองเลื่อนเปิดดูข้อมูลแบบผ่านๆ โดยไม่ได้สนใจอ่านเนื้อหาในกระทู้
ระหว่างเลื่อนลงมาด้านล่างของหน้าแรกนั้น ผมก็มาสะดุดกับภาพของ
"คุณชีพชนก ศรียามาตย์" ซึ่งถือเป็นนักกีตาร์มืออาชีพที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของเมืองไทย


ด้วยเหตุนี้ผมจึงหยุดหน้าเพจ แล้วอ่านคอมเม้นท์ของคุณชีพชนกดูสักนิดว่า...เขามาเกี่ยวข้องอะไรกับอุปกรณ์ตัวนี้
เมื่ออ่านแล้วก็เลยทำให้รู้ว่า...คุณชีพชนกเคยทำการทดสอบ Lunar ตอนเล่นกีต้าร์สด
ซึ่งผลที่ได้คือ...
"เสียงกีตาร์น่าฟังมากขึ้น เสียงทุ้มกังวานจากตัวบอดี้ของกีตาร์มีมากขึ้น เสียงมีน้ำหนัก เสียงกลางแหลมพริ้วหวาน"แม้จะเป็นเพียงคอมเม้นท์สั้นๆ ที่ท่าน จขกท.นำมาโพสท์อีกทอดหนึ่ง แต่มันก็มีส่วนสำคัญที่จุดประกายความใครรู้ของผมต่ออุปกรณ์ตัวนี้มากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้น ผมก็เริ่มย้อนหน้าเพจกลับไปด้านบน แล้วก็เริ่มไล่อ่านรายละเอียดและอ่านรีวิวของเพื่อนสมาชิกหลายๆ ท่านที่ซื้อ Lunar1 และ 3 ไปใช้แบบจริงๆ จังๆ
ยิ่งมาอ่านเจอว่า...เจ้า Lunar1 เพิ่งได้รับรางวัล
Editors' Choice จากนิตยาสาร What Hi-Fi ในประเภทอุปกรณ์เสริมจากคุณมงคล อ่วมเรืองศรี ความคันต่ออุปกรณ์ตัวนี้จึงยิ่งมีมากขึ้น

สุดท้าย...ด้วยความอยากลองแต่ยังไม่อยากซื้อ ผมก็เลยไปยุแยงรุ่นน้องท่านหนึ่งให้ลองซื้อเครื่อง Lunar3 มาใช้ เพราะเขามีปัญหาเรื่องนอนหลับไม่เต็มอิ่ม ตื่นมาร่างกายไม่สดชื่น
ซึ่งรุ่นน้องท่านนี้ ก็หลงคารมณ์ซื้อเจ้า Lunar3 มาใช้ด้วยความเต็มใจและพร้อมที่จะเป็นหนูทดลองให้กับผม
หลังจากที่เครื่องถูกจัดส่งมาถึงมือผม ผมก็ขออนุญาติน้องที่เป็นเจ้าของเครื่องเอาเจ้า Lunar3 มาเทสกับชุดฟังเพลงของผมก่อนที่จะส่งมอบให้กับเจ้าตัว
หลังจากที่ได้เทสด้วยการฟังเพลงคุ้นๆ แบบเปิดๆ ปิดๆ เทียบเสียงแบบเพลงต่อเพลงอยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมง
(เพราะเกรงใจน้องที่เป็นเจ้าของเครื่อง)ในที่สุด!!! ผมก็มีคำตอบให้กับตัวเองว่า...ผมจะสั่งเครื่อง Lunar1 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้สำหรับดูหนังฟังเพลงโดยเฉพาะมาใช้ที่ห้อง Studio จำนวน 2 ตัว
การติดตั้ง...หลังจากที่ผมได้เครื่อง Lunar1 แล้ว ผมก็รีบแกะกล่องจับทาน้ำยา
Merlin Nano บริเวณขั้ว DC ตามคำแนะนำของคุณ Mr.Big แล้วก็เริ่ม Burn in ในทันที
สำหรับตัวแรกผมจะวางไว้บริเวณด้านหน้า คือวางอยู่บนลำโพง Center ซึ่งอยู่กึ่งกลางห้องและมีความสูงจากพื้นประมาณ 90 ซ.ม.
(เพราะถ้าสูงกว่านี้จะติดจอ)โดยผมตั้งระดับความเข้มข้นของคลื่นความถี่อยู่ที่ราวๆ 8.45 นาฬิกา
(แรกๆ เคยตั้งไว้ที่ประมาณ 9.00 นาฬิกา แล้วรู้สึกคลื่นความถี่มันเข้มข้นไป ทำให้มึนหัวนิดๆ)
ส่วนอีกตัวผมจะวางไว้ด้านหลังห้อง คืออยู่ระหว่างลำโพง SRB โดยวางที่ความสูง 160 ซ.ม. ซึ่งสูงกว่าสเปคที่คู่มือแนะนำ
(ประมาณ 155 ซ.ม.) เล็กน้อย
สำหรับตัวที่วางอยู่ด้านหลัง ด้วยความที่มันอยู่ใกล้จุดนั่งฟัง ผมจึงลดความเข้มข้นของคลื่นความถี่อยู่ที่ราวๆ 8.30 นาฬิกา
หลังจากที่เร่งเบิร์นทั้งวันทั้งคืนจนครบ 200 ชั่วโมง ก็ได้ฤกษ์ทำการเปรียบเทียบเสียงระหว่างเปิดใช้กับปิดใช้แบบจริงๆ จังๆ สักที
ผลการทดสอบ...Music ... อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบในการฟังเพลงก็ตามนี้
Weiss MAN301 Upgrade Golden DAC Module > Gryphon Diablo > Amphion Argon3ส่วนอัลบั้มที่ใช้ในทดสอบจะมีทั้งหมด 8 อัลบั้มตามลิสท์ด้านล่างนี้ ซึ่งทุกอัลบั้มล้วนเป็นไฟล์ Lossless หรือไม่ก็ Hi-res ที่บันทึกเสียงมาดีหมด

สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้หลังจากทดสอบด้วยการเปิดเพลงคุ้นๆ แล้วฟังเทียบเสียงระหว่างเปิดใช้กับปิดใช้ Lunar1 แบบเพลงต่อเพลง ท่อนต่อท่อน
นั่นก็คือ...เรื่อง Soundstage ที่เวลาเปิดใช้งาน เสียงมันมีความเป็น 3 มิติและมีรูปวงที่กว้างใหญ่ขึ้นทั้งด้านกว้างและด้านลึกกว่าตอนปิดใช้
เสียงต่างๆ มันฟังดูมีช่องไฟ มีบรรยากาศ และมีอากาศอยู่รอบๆ ตัวโน๊ต จนทำให้เสียงหลุดตู้ลำโพงมากกว่าที่เคยฟัง ซึ่งในจุดนี้...เสียงที่เกิดขึ้นมันแตกต่างจากตอนที่ปิดใช้งานแบบสัมผัสได้
เพราะตอนปิดใช้งาน เวทีเสียงจะย่อขนาดลงทั้งด้านกว้างและด้านลึกทำให้เสียงไม่หลุดตู้ลำโพงเท่าที่ควร อีกทั้งช่องไฟ บรรยากาศรอบๆ ตัวโน๊ตและความเป็น 3 มิติก็ลดลงไปพอสมควร
นอกจาก Lunar1 จะทำให้ Soundstage ดีขึ้นแล้ว...รายละเอียดของเสียงต่างๆ รวมถึงโฟกัสของเสียงร้องและเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น
ยังฟังดูกระจ่างชัด มีมิติ และให้อารมณ์ในน้ำเสียงมากกว่าตอนปิดใช้ Lunar แบบที่ไม่ต้องเพ่งจ้องก็เห็นถึงความแตกต่างในเรื่องนี้
ยิ่งเสียงเครื่องดนตรีจำพวกเครื่องสาย เครื่องเป่าจะยิ่งฟังออกได้ง่ายและชัดเจนมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเกากีต้าร์ หรือเสียงสแลปเบส หรือเสียงในช่วงที่คันชักเสียดสีกับไวโอลิน
เพราะมันฟังดูมีน้ำหนักและมีไดนามิคมากขึ้น อีกทั้ง...เสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นมันยังให้อารมณ์เสมือนจริงและมีมิติมากกว่าตอนที่ปิดใช้งานอย่างเห็นได้ชัด
และที่ดูจะโดดเด่นที่สุดอีกเรื่องนั่นก็คือ...เสียงย่านความถี่ต่ำหรือเสียงเบส ที่มันทำให้เสียงเบสของลำโพง Amphion Argon3 มันมีน้ำหนัก มีรายละเอียด
และทิ้งตัวลงต่ำมากกว่าตอนปิดใช้แบบสัมผัสได้ ถึงแม้ปริมาณเบสจะไม่ได้ถึงอกถึงใจเท่ากับตอนฟังแบบ 2.1 ซึ่งเป็นแนวการฟังแบบปกติของผม
แต่หลังจากที่ผมเอาเจ้า Lunar1 มาเข้าระบบ มันก็พอที่จะทำให้ผมเข้าถึงอารมณ์ในการฟังเพลงแบบ 2.0 Channels เหมือนอย่างที่เหล่า Audiophile เขาฟังกันมากขั้น
Movie & Concert ... หลังจากเทสเสียงด้วยการฟังเพลงแบบ 2 Ch.แล้ว ก็ขอจับเอาเจ้า Lunar1 มาเทสเสียงกับชุด HT ด้วยการดูหนังและคอนเสิร์ตบ้าง
ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้ ผมใช้ HTPC เป็น Source หลัก ส่วนเรื่องที่ผมนำมาใช้ในการทดสอบเสียงก็มี
Transformer 4 , Godzilla 2014 , Lone Surviver , War Hourseส่วนคอนเสิร์ตก็มี
The Eagles Farwell 1 Tour Live From Melbourne , David Foster & Friends - Hit Man Returnsซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นไฟล์ Full Bitrate & Fullrip โดยผมจะเลือกเอาเฉพาะช็อตที่ผมคุ้นๆ และจำรายละเอียดของเสียงได้แม่นๆ มาเทส

หลังจากที่ผมทำการทดสอบด้วยการเปิดๆ ปิดๆ Lunar1 เพื่อเทียบเสียงแบบช็อตต่อช็อต ขอบอกว่า...เสียงที่ได้ยินมันทำให้ผมทึ่งกว่าตอนเทสด้วยการฟังเพลงเสียอีก
เพราะรายละเอียดของเสียงต่างๆ ในตอนที่เปิดใช้ Lunar1 ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดและเสียงเอฟเฟค มันฟังดูเฟี้ยวฟ้าว มีมิติและมีไดนามิคมากกว่าตอนปิดใช้งานมาก
อย่างเสียงพูดมันมีความชัดเจนและฟังดูเหมือนออกจากปากตัวละครจริงๆ อีกทั้งเสียงบรรยากาศของหนัง มันเหมือนมีสเกลที่ใหญ่ขึ้น Soundstage ขยายออกทั้งด้านกว้างและด้านลึก
เสียงเอฟเฟคหรือเสียงที่เป็น Background ในบางฉาก มันฟังดูเหมือนทะลุผนังหลุดตู้ลำโพง จนทำให้ผมเกิดความรู้สึกว่าลำโพงและผนังห้องมันล่องหนหายไปเลย
ฉากไหนที่มีเสียงเอฟเฟคแบบวิ่งรอบห้อง หรือมีเสียงฉวัดเฉวียนจากด้านหลังพุ่งไปด้านหน้า หรือจากด้านหน้าพุ่งมาด้านหลังหรือด้านข้าง
เสียงเอฟเฟคที่เกิดขึ้นหลังจากเปิดใช้ Lunar1 มันจะฟังดูต่อเนื่องเชื่อมโยง มีความเป็น 3 มิติ และฟังดูโอบล้อมกว่าตอนปิดใช้งานแบบน่าทึ่ง
และที่ดูจะโดดเด่นและถูกใจผมมากที่สุด นั่นก็คือเรื่องเบส ที่เสียงเบสหลังจากเปิดใช้ Lunar1
มันเพิ่มปริมาณมากขึ้นราวกับมีใครไปเร่ง Volume ซับให้เสียงเบสดังขึ้น และไม่ใช่มีดีเพียงแค่ทำให้เสียงเบสดังขึ้นเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่ตามมาด้วย นั่นก็คือ...ความต่อเนื่องเชื่อมโยงของเบสในแต่ละช่วง ที่มันฟังดูสมูทและมีไดนามิคมากขึ้นมาก!!!
(หลายฉากใน TF4 ทดสอบเรื่องนี้ได้ดี)นอกจากนั้นเสียงเบสที่เกิดขึ้นหลังจากเปิด Lunar1 มันยังฟังดูมีรายละเอียดมากขึ้น เบสคมขึ้น กระชับขึ้น และเก็บตัวไวมากขึ้น
หรือช่วงไหนที่ระดับของเสียงเบสลงต่ำมากๆ เสียงเบสก็จะมีน้ำหนัก มีมวล และทิ้งตัวลงต่ำมากขึ้นกว่าเดิม
ที่สำคัญ...อิมแพคหรือแรงสั่นสะเทิ้มที่แผ่กระจายมาถึงตัว ยังแผ่ลงต่ำและเพิ่มปริมาณมากขึ้นกว่าเดิมมาก
(ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า...มากขึ้นจริงๆ ในเรื่องนี้) ซึ่งในจุดนี้มันแตกต่างจากตอนปิดใช้ Lunar1 อย่างมาก ชนิดที่พูดกล้าพูดได้เลยว่า...ต่อให้คนหูระดับไหน ก็ฟังความแตกต่างเรื่องเสียงเบสออกได้อย่างแน่นอน
ที่พูดแบบนี้ เพราะหลังจากผมทดสอบด้วยตัวเองจนมั่นใจ ผมก็ชักชวนเพื่อนๆ รวมถึงรุ่นพี่และรุ่นน้องที่ออฟฟิช
(รวมๆ แล้วก็ประมาณ 7 คน) มาร่วมกันเทสเจ้า Lunar1
ซึ่ง 7 คนที่ผมชวนมาทดสอบเสียงแบบต่างวันต่างวาระ มีเพียงแค่ 3 คนที่เล่นเครื่องเสียงและมีทักษะทางด้านการฟัง
แล้วหนึ่งในนั้นจะเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องอุปกรณ์เสริมที่หาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้รวมอยู่ด้วย ส่วนที่เหลืออีก 4 คนจะเป็นน้องๆ ที่ไม่ได้สนใจเรื่องเครื่องเสียงเลย
ในช่วงที่ทำการทดสอบ ไม่ว่าผมจะเปิดเทสหนังหรือคอนเสิร์ตแบบช็อตต่อช็อตเพื่อเทียบเสียงระหว่างปิดกับเปิดใช้งาน Lunar1 สักกี่ครั้ง
ทุกคนที่ผมชวนมาร่วมทดสอบ รวมถึงรุ่นพี่ที่ไม่ค่อยเชื่อในอุปกรณ์เสริมจำพวกนี้ ต่างก็เห็นถึงความแตกต่างของเสียงระหว่างเปิดและปิดการใช้งานกันทุกคน
และที่ดูจะเตะหูทุกคนมากที่สุด นั่นก็คือเรื่องเสียงเบสที่มันฟังออกถึงความแตกต่างกันได้ง่ายที่สุด รองลงมาก็คือเรื่อง Soundstage และรายละเอียดของเสียงที่มันฟังชัดขึ้นและกระจ่างขึ้น
และถ้าจะให้สรุปผลแบบสั้นๆ ในแง่ของการดูหนัง ผมพูดได้เลยว่าเจ้า Lunar1
"มันคือ...อุปกรณ์ชูรสที่ช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับชุดเครื่องเสียงชั้นเลิศ!!! ที่จะช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาด ช่วยต่อยอดส่วนที่ดีให้ดียิ่งๆ ขึ้น!!!"เพราะทุกๆ ครั้งที่ปิดใช้งาน!!! อารมณ์และอรรถรสในการรับชมภาพยนต์มันจะดร็อปและลดน้อยลงไปเยอะ จนทำให้นับตั้งแต่วันที่ผมเอาเจ้า Lunar1 มาเข้าระบบ ผมไม่คิดที่จะกลับไปฟังเสียงในแบบเดิมๆ อีกเลย
หมายเหตุ : สำหรับการทดสอบด้วยการชมภาพยนต์และคอนเสิร์ตนั้น ผมขอเน้นเรื่องเสียงเป็นหลัก เพราะมันเห็นผลต่างได้ง่าย ง่ายชนิดที่เรียกว่า...ไม่ต้องมานั่งเพ่งจ้องจับผิดก็ฟังออก
แต่ถ้าถามความแตกต่างในเรื่องภาพ ผมเรียนตามตรงว่า...มันเป็นความต่างที่ต้องจับสังเกตุพอสมควร จนบางครั้งคล้ายๆ กับจะมีอุปาทานหรือมี Bias เข้ามาเจือปน
ดังนั้น...รีวิวในครั้งนี้ผมจึงขอข้ามการทดสอบเรื่องภาพ โดยขอไปเน้นการทดสอบเรื่องเสียงแทน
Health ... นอกจาก Lunar1 มันจะทำให้เสียงในระบบดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาแล้ว
สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ผมเปิดใช้เครื่อง Lunar1 ในห้อง Studio ที่มีลักษณะคล้ายห้องอัดเสียงที่ปิดทึบ นั่นก็คือ...เรื่องสุขภาพ
เพราะหลังจากที่ผมเปิดใช้งาน Lunar1 ผ่านมาได้สัก 3-4 วัน ผมรู้สึกว่า...อาการหัวทึมๆ ตื้อๆ
(คล้ายๆ กับตอนที่นั่งอยู่ในห้องผู้โดยสารบนเครื่องบินหรือนั่งในห้องที่ปิดทึบแคบๆ) มันค่อยๆ หายไป
ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าอาการดังกล่าว มันคงเป็นเรื่องปกติของการที่เราที่นั่งทำงานอยู่ในห้องที่เงียบและปิดทึบนานๆ
(เคยใช้ SPL Meter วัดระดับเสียงในห้องตอนเงียบๆ อยู่ที่ 30db)หรือไม่ก็เกิดจากการที่ตัวผมใช้หูและใช้ตาเยอะเกินไป แต่แปลกที่ตั้งแต่ผมเปิดใช้เครื่อง Lunar1 อาการดังกล่าวมันแทบจะไม่ปรากฏมาให้เห็นอีกเลย
ความรู้สึกมันเหมือนหู ตา และสมองของผมสดใสและโปร่งโล่งขึ้น ถ้าพูดให้เห็นภาพ...อารมณ์จะคล้ายๆ กับตอนที่ตัวผมนั่งอยู่ในที่โล่งกว้าง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ได้รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องที่ปิดทึบเหมือนแต่ก่อน
ตอนนี้ผมยังไม่ปักใจเชื่อเต็ม 100 ว่า...ที่อาการมันดีขึ้น มันเป็นเพราะอานิสงค์จากเจ้าเครื่อง Lunar1 เพราะผมเพิ่งใช้งานมาได้แค่ 15 วันเท่านั้น
เอาไว้ใช้งานให้นานกว่านี้อีกสักเดือน เดี๋ยวค่อยกลับมาฟันธงให้ชัวร์ๆ อีกรอบ
(แต่ตอนนี้ค่อนข้างเอนเอียงไปแล้วกว่า 80% ครับว่ามันมีผลต่ออาการที่ผมเป็นจริงๆ)ก่อนจบการทดสอบ ขอเสริมเรื่องที่อาจจะฟังดูแปลกๆ และไร้สาระสำหรับใครบางคนอีกสักเรื่อง
คือว่า...ในวันที่ผมชวนรุ่นน้องที่ออฟฟิชจำนวน 2 คนซึ่งทำงานอยู่ฝ่ายเอกสารและฝ่ายศิลป์มาทำการทดสอบเจ้า Lunar1
ในระหว่างที่กำลังเทสและถกเรื่องความแตกต่างของเสียงระหว่างเปิดและปิดใช้งาน รุ่นน้องที่ทำงานอยู่ฝ่ายเอกสารก็โพล่งขึ้นมากลางปล้องว่า...
"พี่ๆ ผมว่าเสียงคุยของเราตอนเปิดใช้งาน มันฟังชัดขึ้นน่ะ มันเหมือนห้องมันเงียบขึ้น จนทำให้เสียงพูดคุยของเรามันฟังดูชัดและเคลียร์กว่าตอนปิดใช้งาน"ในทันทีที่รุ่นน้องคนนี้ทักขึ้นมา ผมกับรุ่นน้องที่อยู่ฝ่ายศิลป์ก็เริ่มลองสังเกตุตาม เพราะที่ผ่านมาสังเกตแต่เสียงที่ออกมาจากลำโพง ไม่ได้สังเกตเสียงที่ออกมาจากปาก
สุดท้ายเมื่อได้ลองจับสังเกตเสียงที่เราพูดคุยกันระหว่างเปิดและปิดใช้งาน ทั้งผมและรุ่นน้องที่อยู่ฝ่ายศิลป์ต่างก็เห็นถึงความแตกต่างของเสียงพูดเหมือนอย่างที่รุ่นน้องท่านนั้นทักขึ้นมาจริงๆ
กล่าวคือ...ความรู้สึกมันเหมือนห้องมันเงียบขึ้นจนทำให้หูของเราได้ยินเสียงพูดชัดขึ้น อีกทั้งน้ำเสียงที่ออกจากปากของแต่ละคนมันฟังดูเคลียร์และชัดเจนขึ้นกว่าตอนปิดใช้
ณ.จุดๆ นั้นต้องบอกว่า...ไม่น่าเชื่อ!!! แต่พอเจอเข้ากับตัวก็ต้องเชื่อ ผมว่าถ้าใครที่ซื้อ Lunar ไม่ว่าจะ 1 หรือ 3 มาใช้ แล้วห้องฟังทำระบบกันเสียงดีๆ หรือมีการทำ Accoustic Treatment ภายในห้อง
น่าจะลองทดสอบเรื่องนี้ดู ผมเชื่อว่าคุณจะเห็นความแตกต่างของทุกสรรพเสียงที่ผมนำมาเล่าได้ไม่ยาก
บทสรุป...มาถึงบรรทัดนี้!!! ผมได้ประจักษ์ถึงอานุภาพของเจ้าเครื่องกำเนิดคลื่นสนามแม่เหล็กโลกที่มีนามว่า Lunar1 แล้วว่า...มันมีผลต่อตัวผมและอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ผมรักอย่างไร
ผมกล้าพูดได้เลยว่า...ในบรรดาอุปกรณ์เครื่องเคียงทุกประเภทที่ตัวผมเคยซื้อมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นสายลำโพง สายสัญญาณ สายไฟ ทิปโท ชั้นวาง ฟิวส์ ที่บางชิ้นราคาแพงกว่ามันกว่า 10 เท่าตัว
ถ้าเทียบราคาและผลที่ได้รับกันแบบหน่วยต่อหน่วย ผมเชื่อมั่นว่า...ยากที่จะหาอุปกรณ์เครื่องเคียงตัวไหนที่ให้ความแตกต่างของเสียงได้มากและคุ้มค่าเท่ากับเจ้า Lunar1 อีกแล้วครับ
เพราะความแตกต่างของเสียงที่เกิดขึ้น มันพอเทียบเคียงกับการ Upgrade หรือเปลี่ยนอุปกรณ์หลักชิ้นใดชิ้นหนึ่งได้เลยทีเดียว
และถ้าถามความรู้สึกส่วนตัวที่ผมได้ใช้งานมากว่า 2 อาทิตย์ สิ่งที่ได้มามันถือว่าคุ้มค่าและให้ผลต่างมากกว่าการเปลี่ยนสายลำโพง สายสัญญาณ สายไฟ ที่มีราคาแพงกว่ามันหลายเท่าตัวมาก
เพราะฉะนั้น!!! ประโยคส่งท้ายคงไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำว่า... Highly Recommended!!! So Much!!! Very Much!!! สำหรับเจ้าอุปกรณ์เครื่องเคียงราคาเบาๆ ตัวนี้ครับ
... The End ...