ชอบเสียงแบบไหน มีอะไรประทับใจมาเล่า ๆ ให้กันฟังหน่อยครับ

[nirut]

         ผมเห็นหลาย ๆ ท่านชุดน่าจะหยุด ๆ กันไปแล้ว แต่กว่าจะผ่านเส้นทางอันยาวนานนี้มาได้คงต้องเจออะไร ดี ๆ สนุก ๆ มาเล่าแบ่งปันไว้ให้ คนที่ยังหาเส้นทางได้อ่านและหาแนวทางไว้ก็น่าจะดีนะครับ  อย่างน้อยใน เฟสและ line ก็จะหาแบบนี้เก็บไว้ไม่ได้ 

            เริ่มที่ผมก่อนเลย  ผมตั้งความหวังไว้ที่เสียงคล้ายเสียงจริงที่สุด  แต่สุดท้ายมาจบที่เสียงหวานและพริ้ว ๆ ลื่นไหล และมันเป็นเสียงที่ฟังได้จริงสำหรับผม  ในขั้นตอนค้นหาเสียงที่ดีขึ้น ๆ นั้นผมมักตั้งคำถามว่าเสียงที่ดีขึ้นกว่าชุดของเรานั้นมันต้องเป็นไง  แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าเรื่องแบบนี้มันต้องได้ยินเอง ไอที่บอกว่าเสียงแหลมไปได้ไกลหรือเบสที่ลงลึก ๆ เป็นลูก ๆ นี้บรรยายยังไงผมก็ไม่เข้าใจและไม่สามารถเข้าถึงได้จริง ๆ แต่พอได้ยินเท่านั้นละครับ เข้าถึงเลย  ยิ่งได้ยินกับชุดเราเองก็ยิ่งหาความต่างได้ชัดเจน 
        ความประทับใจของผม คือ  ได้ลองเล่นแอมป์ mono block 900 w (ยี่ห้อคาราน)กับลำโพงตั้งพื้นที่รับวัตต์ได้ประมาณ 250 w (ยี่ห้อ isophone)  ผมได้ลองใช้แอมป์ เกินวัตต์ของลำโพงมาหลายตัวแล้วผมว่าเสียงมันดีมาก ๆ เลย แต่ต้องเซตลำโพงให้ถูกจุดด้วยครับ เพราะโดยปรกติเสียงมันจะเคลียด ๆ แต่ถ้าเซตได้จุดที่ลงตัวเสียงจะหลุดตู้ดีมาก ๆ ที่ประทับใจผมคือเบสจากชุดที่ผมบอกไปแล้วครับว่าเสียงมันลงได้ดีมาก ๆ และเป็นลูก ๆ มีมวลเบสสุดยอดมาก ๆ ขนาดชุดปัจจุบันผมใช้ลำโพงตัวใหญ่กว่ายี่ห้อเดียวกัน แต่แอมป์เปลี่ยนยี่ห้อไปแล้วและวัตต์ต่ำกว่าเหลือ 500W แต่ไม่สามารถให้เบสที่ดีกว่าได้เลย  ขาดไปนิดครับผมได้ลองแอมป คาราน กับลำโพงตัวปัจจุบันนี้ด้วยนะครับ เบสก็ดีไม่เท่าตัวที่ผมประทับใจครับ
        ปล. ที่เปลี่ยนแอมปเพราะ คารานให้เสียงแบบพริ้วไหวไม่ได้ครับ

[newnew]

ผมเกิดมาในช่วง ที่ยังเล่น แผ่นเสียงกัน แต่ผมไม่มีโอกาสได้เล่น แผ่นเสียง เพราะฐานะที่บ้านตอนนั้น ฟังแต่วิทยุ
พอมาเล่นเครื่องเสียงหลังจากเก็บตังซื้อเองได้ ก็เล่นแต่ CD มาตลอด มี แผ่น CD เป็นพันแผ่น

ไม่กล้าเล่นแผ่นเสียงเพราะกลัว ยุ่งยาก ไม่สะดวก หลายๆอย่าง จนวันหนึ่งผมตัดสินใจ ลองเล่นดู
Project Debut ราคารวมหัวเข็ม ตอนนั้น ไม่ถึงหมื่น ซื้อแผ่นเก่าๆ มา 10 แผ่นละ 300 ไม่เกิน
ผมแทบไม่ฟัง CD เลยครับ. ความไม่สะดวก ความยุ่งยาก มันกลายเป็นความชอบ ชอบในเนื้อเสียง

แผ่นเสียงมันมีเสน่ห์ในเสียงแบบ อนาล็อกต้นแบบของมัน ที่ CD และ hires ให้ไม่ได้ครับ
ปัจจุบัน ผมก็ยังฟัง CD ฟัง Tape cassette อยู่ครับ. แต่นานๆที. แผ่นเสียงเริ่มสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ

ผมไม่ชอบเสียงแหลมจัดๆ คมๆ. เวลาซื้อเครื่อง ซื้อสาย ก็จะหาข้อมูลดูรีวิวว่า ต้องไม่จัด ไม่ Bright
ดังนั้น ชุดของผมจะออกมาทาง. Dark Sound.

แต่พอมาฟังแผ่นเสียง ความคิดผมเริ่มเปลี่ยนครับ อยากลอง เสียงแหลมที่มันเปิดสุดๆ สุดยอดของเสียงแหลมเป็นไง. แน่นอนครับ เจ็บตัวไปเยอะครับ เพราะผมจะซื้อรุ่นเล็ก รุ่นกลางๆ มาลองก่อน แต่ผลคือ แหลมจัด คม
(ไม่เสมอไป แต่ร้อยละ 80 จะเป็นงั้นครับ) ผมหมายถึง หัวเข็ม และ พวกสายครับ

จนตัดสินใจซื้อรุ่น ใหญ่ๆ มาเล่น โห แหลมมันเพราะมาก ครับ. เสียงเปิดได้ยิน ถ้าภาษาฝรั่งก็.  Extended, Open, Silky , Airy, Trimble, Harmonic...

ดังนั้น อย่ากลัวที่จะลองครับ และก็ บางครั้ง เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

[Alfa156]

เอาไว้แอดมินแก้ไขให้หน้าจอหายหน่วง
แล้วจะเข้ามาเหลาให้ฟังครับ

ตอนนี้จิ้มคีย์บอร์ดไปได้สองสามตัวอักษร
แล้วต้องรอนานเลยกว่าหน้าจอจะกลับมาแอคทีฟ 

[kiang]

เอาไว้แอดมินแก้ไขให้หน้าจอหายหน่วง
แล้วจะเข้ามาเหลาให้ฟังครับ

ตอนนี้จิ้มคีย์บอร์ดไปได้สองสามตัวอักษร
แล้วต้องรอนานเลยกว่าหน้าจอจะกลับมาแอคทีฟ 

เช็คมาแล้วครับพี่ ไม่พบสาเหตุ เค้าแนะนำให้ลองเปลี่ยน browser ดูก่อนครับ

[nirut]

ผมเกิดมาในช่วง ที่ยังเล่น แผ่นเสียงกัน แต่ผมไม่มีโอกาสได้เล่น แผ่นเสียง เพราะฐานะที่บ้านตอนนั้น ฟังแต่วิทยุ
พอมาเล่นเครื่องเสียงหลังจากเก็บตังซื้อเองได้ ก็เล่นแต่ CD มาตลอด มี แผ่น CD เป็นพันแผ่น

ไม่กล้าเล่นแผ่นเสียงเพราะกลัว ยุ่งยาก ไม่สะดวก หลายๆอย่าง จนวันหนึ่งผมตัดสินใจ ลองเล่นดู
Project Debut ราคารวมหัวเข็ม ตอนนั้น ไม่ถึงหมื่น ซื้อแผ่นเก่าๆ มา 10 แผ่นละ 300 ไม่เกิน
ผมแทบไม่ฟัง CD เลยครับ. ความไม่สะดวก ความยุ่งยาก มันกลายเป็นความชอบ ชอบในเนื้อเสียง

แผ่นเสียงมันมีเสน่ห์ในเสียงแบบ อนาล็อกต้นแบบของมัน ที่ CD และ hires ให้ไม่ได้ครับ
ปัจจุบัน ผมก็ยังฟัง CD ฟัง Tape cassette อยู่ครับ. แต่นานๆที. แผ่นเสียงเริ่มสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ

ผมไม่ชอบเสียงแหลมจัดๆ คมๆ. เวลาซื้อเครื่อง ซื้อสาย ก็จะหาข้อมูลดูรีวิวว่า ต้องไม่จัด ไม่ Bright
ดังนั้น ชุดของผมจะออกมาทาง. Dark Sound.

แต่พอมาฟังแผ่นเสียง ความคิดผมเริ่มเปลี่ยนครับ อยากลอง เสียงแหลมที่มันเปิดสุดๆ สุดยอดของเสียงแหลมเป็นไง. แน่นอนครับ เจ็บตัวไปเยอะครับ เพราะผมจะซื้อรุ่นเล็ก รุ่นกลางๆ มาลองก่อน แต่ผลคือ แหลมจัด คม
(ไม่เสมอไป แต่ร้อยละ 80 จะเป็นงั้นครับ) ผมหมายถึง หัวเข็ม และ พวกสายครับ

จนตัดสินใจซื้อรุ่น ใหญ่ๆ มาเล่น โห แหลมมันเพราะมาก ครับ. เสียงเปิดได้ยิน ถ้าภาษาฝรั่งก็.  Extended, Open, Silky , Airy, Trimble, Harmonic...

ดังนั้น อย่ากลัวที่จะลองครับ และก็ บางครั้ง เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

           ผมว่าการเมทสายเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่หรือคนที่ยังเล่นมาไม่นานหรือมีโอกาสฟังได้ไม่หลาย ๆ ยี่ห้อพอครับ  ส่วนที่ผมเคยเจอคือมีโอกาสลองสายรุ่นใหญ่ของ tran เพราะอ่านเจอในเวปเราว่าถ้าจะใช้ยี่ห้อนี้ไม่ควรเล่นรุ่นรอง เพราะเสียงที่ได้แหลมจะกุด ๆ เลยตัดใจหารุ่นสูง ๆ ของเขามาใช้ เส้นแรกในะระะบบได้เสียงดีขึ้นแบบรู้สึกได้( สายสัญญาณ ) เลยจัดสายลำโพงมาต่อ ผลปรากฏ เสียงออกมาไม่ได้เรื่องเลยครับ  ตอนแรกกะจะขายออกทั้งคู่แล้วเอาตัวเก่ามาใช้ดีกว่า เพราะรู้สึกว่าแพงก็แพง แล้วเสียงยังแย่อีก  โชดดีที่ไปปรึกษาน้า ๆ ในนี้ที่เขามีประสพการณ์มากกว่าผม เขาเลยแนะนำว่าเสียงมันพ้องระบบ ว่ามันมีตัวที่ไม่เมทอยู่ พอผมได้เปลี่ยนสายไฟตามที่พี่เขาแนะนำถึงได้รู้ว่าเกือบเสียของดีออกไป เพราะเราไม่มีความเข้าใจเรื่องเมทแบบนี้  สุดท้ายทั้งระบบของชุดผมเปลี่ยนเป็นยี่ห้อ tran ทั้งหมดยกเว้นสายไฟ ที่ต้องใช้อีกยี่ห้อหนึ่งครับ  จนทุกวันนี้ผมยังคิดว่า ถ้าให้ผมมาหาสายเมทเองก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน   เพราะผมว่าคนที่จะทำได้ดีต้องฟังเก่งและรู้ว่าระบบของตัวเองขาดเสียงตรงไหนไป เพื่อจะเพิ่มให้เสียงดีขึ้น  แถมต้องรู้ว่าสายแต่ละยี่ห้อให้เสียงแบบไหนออกมา

[newnew]

จริงอย่าง น้า nirut ว่าครับ สายนี่ เล่นยากครับ แต่โชคดีที่สายส่วนใหญ่ผมหยิบยืมเพื่อนมาลองก่อน

ทางร้าน ส่วนใหญ่ถ้ามีตัวเดม ก็ใจดี ให้ยืมมาลอง ที่บ้าน แต่ก็มีบางร้านก็ไม่ให้ยืม ซึ่งผมว่า ถ้าสายราคาเป็นหมื่นทางร้านควรให้ลูกค้ามาลองฟังที่บ้านนะครับ. สายนี่ แมชชิง ยากกว่าเครื่องเยอะครับ ความต่างมันจะละเอียดลงไปอีก ต้องฟังกันยาวๆ หลายๆแผ่น สลับไปมา

ผมยอมรับเลย ว่าผมยังฟังเรื่องสายไม่เก่ง ผมใช้ สายสัญญาณ กับ สายลำโพง ของ MIT, Audioquest  และ Tara Labs ครับ  ส่วนใหญ่ผมจะ เน้น สายสัญญาณ และ สายลำโพง ครับ

ส่วนสายไฟ ผมจะไม่เกิน หมื่นต้นๆ มีสายไฟแถมผสมในชุดด้วยครับ สายไฟผมก็รุ่นเก่าๆยอดนิยม VDH , PK10, Shunyata Diamondback Platinum รุ่นมเล็ก แต่เสียงดีเหลือเกิน (ผมว่าดีกว่า venom ปัจจุบัน)

แต่หัวเข็มนี่ เท่าที่ผมเล่นมา เจ็บตัวไปหลาย เสียงส่วนใหญ่ ตามราคาเลยครับ แต่ก็มีหัวบางรุ่นที่เสียงดีเกินราคา
อย่างเช่น Benz Wood SL และ  Zyx R100 Low ครับ 

[NooM]

ชอบแบบดาร์คซาวด์เหมือนกันครับ ออกหนาๆ ข้นๆ หน่อย

แบบฟังแล้วอยากเอื้่อมมือไปจับอ่ะ ถ้าปิดไฟแล้วเหวอผีหลอกนี่ใช่เลย

ของผมที่ฟังบ่อยที่สุดตอนนี้เป็นเครื่องดีไอวาย แต่จะเอาทั้งเนื้อเสียง ทั้งรายละเอียด

ครบเครื่องนั้นไม่ง่ายนัก เวลาประกอบเอง เลือกอุปกรณ์เอง ยิ่งเราใส่ของดีลงไป เสียงยิ่ง

ออกสดสว่าง เน้นรายละเอียด ไปทางนั้นหมดเลย ซีภาคจ่ายไฟ นี่ตัวดีเลย พวกออดิโอเกรด

low ESR สว่างพร่างพราย เหมือนกันหมด

ถ้าอยากได้เนื้อๆ นอกจากเลือกจากแบรนดฺ์ เลือกชนิดของ R แล้ว เนื้อเสียงจะอิ่มอุดมสมบูรณ์

ไปไม่ได้ ถ้าซีภาคจ่ายไฟมีขนาดเล็ก หรือถ้าเป็นโซลิตสเตทก็เพิ่ม หม้อแปลง 2 ลูก ดูอัลโมโน

ไปเลย แต่ก็ใช่ว่าจะง่าย หลับหูหลับตาขนานเพิ่มซีเข้าไปเยอะๆ อาจกลายเป็นเสียงขุ่น รายละเอียดหาย

เสียของไปอีก แถมซีบางตัวเบิร์นนานใส่แล้วต้องรอลุ้นอีก กว่าจะสรุปได้ว่าจะใส่หรือไม่ใส่


ส่วนเรื่องเส้นสาย เมื่อก่อนลองเยอะมาก ตอนนี้ไม่ค่อยเน้นแล้ว เอาแค่แบบพอเพียง

สายลำโพงยืนพื้นที่ XLO รุ่นใหญ่ สีม่วง-เทา ได้เสียงที่หนา เข้มข้น แถมครบเครื่อง ก็จบไม่ดิ้นรนแล้วครับ

สายสัญญาณ ใช้สายบ้านหม้อ ปกติเสียงจะออกบาง แต่รายละเอียดดี เอามาเข้าหัวจูนเสียงดีๆ

ถึบสาย คลาสเอกระเด็นไปหลายเส้นแล้วครับ

[Martra]

ผมชอบแนวเสียง Live & Cheerful ไดนามิคที่สมจริง ตามการบันทึกที่ดีที่อัดมาให้ได้
เปิดยิ่งดังยิ่งสนุก จะบู๊ จะบุ๋นได้หมด

ผมไม่เคยจะตั้งเป้าว่าจะต้องได้เสียงแนวนี้ตั้งแต่ต้น...มันเกิดจากการค่อยๆทำ
ค่อยๆปรับไปชุดของผมครับ (เสร็จตรงนี้ย้ายไปหาเรื่องตรงนั้น )
แต่พอมันลงตัวมันคือสิ่งที่ชอบมากๆ คือไม่อนาล็อคไป เนียนจนง่วง
ไม่ Audiophile จ๋าไป ชัดเป๊ะเหมือนจะคอยหาเรื่องตลอดเวลา 
มันลงตัวของมันแบบนั้น
 
ผมเล่นเส้นสายต่างๆเท่าที่จำเป็น แต่จะไปลงที่สาเหตุหลัก เช่นระบบลำโพง
เกรดคุณภาพ การปรับจูนครอสโอเวอร์ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความเพี้ยนที่ปลายทางเลย
เลือกรูปแบบวงจรปรีแอมป์ พาวเวอร์แอมป์ ปรีโฟโนที่น่าสนใจนำมาเลือกใช้
แนวกึ่งๆ ทำเองเลยเปิดกว้าง ค่อยๆเลือกสมาชิกมาเข้าชุดตามที่ควร แต่ต้องเสี่ยงเองด้วย 55
 
ส่วนต้นทางตอนนี้ ยังคงยึดแผ่นดำที่ให้เสียงดีที่สุด ตามแนวเสียงที่ผมต้องการอยู่ครับ

[nirut]

ผมชอบแนวเสียง Live & Cheerful ไดนามิคที่สมจริง ตามการบันทึกที่ดีที่อัดมาให้ได้
เปิดยิ่งดังยิ่งสนุก จะบู๊ จะบุ๋นได้หมด

ผมไม่เคยจะตั้งเป้าว่าจะต้องได้เสียงแนวนี้ตั้งแต่ต้น...มันเกิดจากการค่อยๆทำ
ค่อยๆปรับไปชุดของผมครับ (เสร็จตรงนี้ย้ายไปหาเรื่องตรงนั้น )
แต่พอมันลงตัวมันคือสิ่งที่ชอบมากๆ คือไม่อนาล็อคไป เนียนจนง่วง
ไม่ Audiophile จ๋าไป ชัดเป๊ะเหมือนจะคอยหาเรื่องตลอดเวลา 
มันลงตัวของมันแบบนั้น
 
ผมเล่นเส้นสายต่างๆเท่าที่จำเป็น แต่จะไปลงที่สาเหตุหลัก เช่นระบบลำโพง
เกรดคุณภาพ การปรับจูนครอสโอเวอร์ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความเพี้ยนที่ปลายทางเลย
เลือกรูปแบบวงจรปรีแอมป์ พาวเวอร์แอมป์ ปรีโฟโนที่น่าสนใจนำมาเลือกใช้
แนวกึ่งๆ ทำเองเลยเปิดกว้าง ค่อยๆเลือกสมาชิกมาเข้าชุดตามที่ควร แต่ต้องเสี่ยงเองด้วย 55
 
ส่วนต้นทางตอนนี้ ยังคงยึดแผ่นดำที่ให้เสียงดีที่สุด ตามแนวเสียงที่ผมต้องการอยู่ครับ

         อันนี้เป็นเพราะน้ามาท ใช้ลำโพงแบบฮอล ด้วยหรือเปล่าครับ   แล้วถ้าเทียบกับลำโพงแบบปรกติที่ไม่ใช่ฮอล แล้วสมารถทำให้เสียงเป็นแบบนั้นได้หรือเปล่าครับ   ผมเองก็เคยอยากได้เสียงแบบสด ๆ เช่นกันแต่ทำเป็นแค่การเซตลำโพงเอา สุดท้ายกลายเป็นเสียงมันจะขึ้นขอบจนฟังไม่ได้แทนครับ   

[sunsern]

เสียงที่ผมชอบเป็นแนวเสียงปี 80 ครับ มันเป็นเสียงที่อลุ้มอล่วยระหว่าง เสียงหลอด เสียงฮอร์น เสียงทรานซิสเตอร์ เสียงไฮไฟ มันเป็นเสียงที่ไม่แฟลตมากนัก รายละเอียดแบบมอนิเตอร์สมัยก่อนคือไม่เยอะมากนักแต่ก็ไม่ขาด เสียงแบบนี้จะฟังเพลงได้ทุกแนว หวานก็ได้ ดุก็ได้ สนุกก็ได้ แต่ไปไม่สุดซักทาง แต่ฟังอะไรก็ไพเราะครับ

แต่เอาเข้าจริงๆ พอเราได้เครื่องเสียงที่มีเสียงถูกใจที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ก็จะไม่อยากได้อะไรอีก เสียงที่ฟังชอบตอนนี้กลับเป็นเสียงของความเงียบครับ

[maximo]

เหมือนกันครับ ชอบเสียงหวาน พริ้ว ลื่นไหล มีความประนีประนอม มีความสมจริง ประมาณนึงก็พอ ที่สำคัญต้องเสียงไม่แห้งครับ

พวกดุดัน dynamic แรงๆ นี่จะฟังได้ไม่นานเลยครับ อาจตื่นเต้นแค่ตอนฟังแรกๆ

[vichien]

จริงๆอยากเขียนตั้งแต่วันแรกๆแล้วครับ แต่ดูๆไปมันจะออกขวาง ไปซะหมด แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขออีกทีครับ

เริ่มแรกที่เล่นใหม่ๆนี่ ลำโพง เปลี่ยนบ่อยมาก ขนาดออกปากขอยืมมาฟังที่ห้องกันเลย ทั้งๆที่อยา่งหนัก เพราะเน้นที่ตั้งพื้นเป็นหลัก
มีของ xav กับ โคไนซ์ ทางร้านก็ใจดี ยกมาให้ (มีค่ารถนิดๆหน่อยๆ) เสียงเห็นผลกว่า พวกสายต่างๆเยอะ ไม่ต้องเพ่ง
พวกสายต่างนี่ มาเป็นกระบุงเลย...ข้ามไปดีกว่า

จากวันนั้นถึงวันนี้ ความชอบส่วนตัวก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม คือ เสียงกลาง ที่มีฐานเบสประคอง อยู่ครับ  เสียงที่ออกใสๆ ชัดๆ ที่แบบฟังเสียงเล็กเสียงน้อย
ได้ชัดเจนกว่านี่ แรกๆก็ดูดี แต่สักอาทิตย์ ก็เริ่มไม่สนุกแล่ะ อย่างแอมปื exposure ที่ใส เบสน้อยหน่อย ก็ต้องให้ขายออกไป

แอมป์ผมผ่านมาหลายตัวมาก ทั้งที่กำลังเยอะ เสียงมักจะออกแข็งๆ hk990 แอมปืที่โทนเสียงออกไปทางอุ่น นิดๆ onix r125b
(ถ้ามีให้ปรับ เบส ทริเบิ้ล ก็น่าจะยังคงอยู่)

สรุปได้ว่าจากการฟังเพลงเราเป็นหลักแล้ว เสียงที่มีโทนัลซ์บาล้านซ์ ทุ้ม กลาง แหลม เพียงพอ ไม่โดดไม่เด่นไปทางใด
ก็ฟังเพลงได้ไพเราะไปหมดแหล่ครับสำหรับผม จนมาถึงช่วงปลาย ที่ใจคิดไว้นานโข ที่อยากได้แอมป์+โฟโน (mm ก็พอ)
ที่จบในตัวเดียวได้ จนปัจจุบัน มาลงเอยที่แอมป์วินเทจ เทคนิค ครับ ยี่ห้อนี้ราคาไม่แรงนัก

ส่วนชุดใหญ่ๆ ราคาหลักแสน - ล้าน ได้ความอนุเคราะห์ จากเพื่อนๆ ไปขอลองฟัง ฟังแล้ว กับแผ่นที่เหน็บไปเองด้วย
ผมว่า ผมหยุดพอได้แล้ว ฟังเพลงเดียวกันได้เพราะเหมือนๆกัน ครับ

[nirut]

จริงๆอยากเขียนตั้งแต่วันแรกๆแล้วครับ แต่ดูๆไปมันจะออกขวาง ไปซะหมด แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขออีกทีครับ

เริ่มแรกที่เล่นใหม่ๆนี่ ลำโพง เปลี่ยนบ่อยมาก ขนาดออกปากขอยืมมาฟังที่ห้องกันเลย ทั้งๆที่อยา่งหนัก เพราะเน้นที่ตั้งพื้นเป็นหลัก
มีของ xav กับ โคไนซ์ ทางร้านก็ใจดี ยกมาให้ (มีค่ารถนิดๆหน่อยๆ) เสียงเห็นผลกว่า พวกสายต่างๆเยอะ ไม่ต้องเพ่ง
พวกสายต่างนี่ มาเป็นกระบุงเลย...ข้ามไปดีกว่า

จากวันนั้นถึงวันนี้ ความชอบส่วนตัวก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม คือ เสียงกลาง ที่มีฐานเบสประคอง อยู่ครับ  เสียงที่ออกใสๆ ชัดๆ ที่แบบฟังเสียงเล็กเสียงน้อย
ได้ชัดเจนกว่านี่ แรกๆก็ดูดี แต่สักอาทิตย์ ก็เริ่มไม่สนุกแล่ะ อย่างแอมปื exposure ที่ใส เบสน้อยหน่อย ก็ต้องให้ขายออกไป

แอมป์ผมผ่านมาหลายตัวมาก ทั้งที่กำลังเยอะ เสียงมักจะออกแข็งๆ hk990 แอมปืที่โทนเสียงออกไปทางอุ่น นิดๆ onix r125b
(ถ้ามีให้ปรับ เบส ทริเบิ้ล ก็น่าจะยังคงอยู่)

สรุปได้ว่าจากการฟังเพลงเราเป็นหลักแล้ว เสียงที่มีโทนัลซ์บาล้านซ์ ทุ้ม กลาง แหลม เพียงพอ ไม่โดดไม่เด่นไปทางใด
ก็ฟังเพลงได้ไพเราะไปหมดแหล่ครับสำหรับผม จนมาถึงช่วงปลาย ที่ใจคิดไว้นานโข ที่อยากได้แอมป์+โฟโน (mm ก็พอ)
ที่จบในตัวเดียวได้ จนปัจจุบัน มาลงเอยที่แอมป์วินเทจ เทคนิค ครับ ยี่ห้อนี้ราคาไม่แรงนัก

ส่วนชุดใหญ่ๆ ราคาหลักแสน - ล้าน ได้ความอนุเคราะห์ จากเพื่อนๆ ไปขอลองฟัง ฟังแล้ว กับแผ่นที่เหน็บไปเองด้วย
ผมว่า ผมหยุดพอได้แล้ว ฟังเพลงเดียวกันได้เพราะเหมือนๆกัน ครับ

        จริง ๆ แล้วผมว่า น้าแก้ว คิดมากไปนะครับ  เรื่องแบบนี้ผมว่าไม่มีใครถูกใครผิดหลอกครับ  มันเป็นเรื่องความชอบของแต่ละบุคคล   เพียงแต่ผมเห็นว่าประสพการณ์ของแต่ละท่านซึ่งอาจจะไปตรงกับนักเล่นใหม่ ๆ จะได้เอามาใช้ประโยชน์ ไม่ต้องไปเสียเวลาลองผิดลองถูกได้ก็น่าจะดี  หรืออาจจะเป็นแนวทางให้ใครอีกหลาย ๆ คนได้เอาไปลองดูเผื่อจะเจอแนวทางที่ใช่หลังจากหามานานก็เป็นได้นะครับ    เอาจริง ๆ ผมว่าถ้าน้าแก้วจะเขียนเล่าสิ่งที่เจอมารวมถึงสิ่งที่ทำให้น้าแก้วได้บทสรุปในชุดของตัวเองนี้ ผมว่าเขียนได้เป็นหน้า ๆ แน่ครับ 

[chatchawanb]

ตอนนี้ ชอบแผ่นเสียงแนวเพลงยุค80’S ครับ แต่เร่ิมหยุดซื้อแล้วเพราะได้ที่หา เกือบหมดแล้ว
ส่วน Blu-ray 4K ไปเรื่อยๆ หัดเรียนรู้ไป ครับ ส่วนOPPOก็ เสียดาย การเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์
ส่วนเพื่อนๆ ก็ยังคงคิดถึงทุกท่าน รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

[krit2510]

ตอนนี้ ชอบแผ่นเสียงแนวเพลงยุค80’S ครับ แต่เร่ิมหยุดซื้อแล้วเพราะได้ที่หา เกือบหมดแล้ว
ส่วน Blu-ray 4K ไปเรื่อยๆ หัดเรียนรู้ไป ครับ ส่วนOPPOก็ เสียดาย การเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์
ส่วนเพื่อนๆ ก็ยังคงคิดถึงทุกท่าน รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

คุณชัช ไปห้องคุณวิน เป็นงัยบ้าง

[vichien]

จริงๆอยากเขียนตั้งแต่วันแรกๆแล้วครับ แต่ดูๆไปมันจะออกขวาง ไปซะหมด แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขออีกทีครับ

เริ่มแรกที่เล่นใหม่ๆนี่ ลำโพง เปลี่ยนบ่อยมาก ขนาดออกปากขอยืมมาฟังที่ห้องกันเลย ทั้งๆที่อยา่งหนัก เพราะเน้นที่ตั้งพื้นเป็นหลัก
มีของ xav กับ โคไนซ์ ทางร้านก็ใจดี ยกมาให้ (มีค่ารถนิดๆหน่อยๆ) เสียงเห็นผลกว่า พวกสายต่างๆเยอะ ไม่ต้องเพ่ง
พวกสายต่างนี่ มาเป็นกระบุงเลย...ข้ามไปดีกว่า

จากวันนั้นถึงวันนี้ ความชอบส่วนตัวก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม คือ เสียงกลาง ที่มีฐานเบสประคอง อยู่ครับ  เสียงที่ออกใสๆ ชัดๆ ที่แบบฟังเสียงเล็กเสียงน้อย
ได้ชัดเจนกว่านี่ แรกๆก็ดูดี แต่สักอาทิตย์ ก็เริ่มไม่สนุกแล่ะ อย่างแอมปื exposure ที่ใส เบสน้อยหน่อย ก็ต้องให้ขายออกไป

แอมป์ผมผ่านมาหลายตัวมาก ทั้งที่กำลังเยอะ เสียงมักจะออกแข็งๆ hk990 แอมปืที่โทนเสียงออกไปทางอุ่น นิดๆ onix r125b
(ถ้ามีให้ปรับ เบส ทริเบิ้ล ก็น่าจะยังคงอยู่)

สรุปได้ว่าจากการฟังเพลงเราเป็นหลักแล้ว เสียงที่มีโทนัลซ์บาล้านซ์ ทุ้ม กลาง แหลม เพียงพอ ไม่โดดไม่เด่นไปทางใด
ก็ฟังเพลงได้ไพเราะไปหมดแหล่ครับสำหรับผม จนมาถึงช่วงปลาย ที่ใจคิดไว้นานโข ที่อยากได้แอมป์+โฟโน (mm ก็พอ)
ที่จบในตัวเดียวได้ จนปัจจุบัน มาลงเอยที่แอมป์วินเทจ เทคนิค ครับ ยี่ห้อนี้ราคาไม่แรงนัก

ส่วนชุดใหญ่ๆ ราคาหลักแสน - ล้าน ได้ความอนุเคราะห์ จากเพื่อนๆ ไปขอลองฟัง ฟังแล้ว กับแผ่นที่เหน็บไปเองด้วย
ผมว่า ผมหยุดพอได้แล้ว ฟังเพลงเดียวกันได้เพราะเหมือนๆกัน ครับ

        จริง ๆ แล้วผมว่า น้าแก้ว คิดมากไปนะครับ  เรื่องแบบนี้ผมว่าไม่มีใครถูกใครผิดหลอกครับ  มันเป็นเรื่องความชอบของแต่ละบุคคล   เพียงแต่ผมเห็นว่าประสพการณ์ของแต่ละท่านซึ่งอาจจะไปตรงกับนักเล่นใหม่ ๆ จะได้เอามาใช้ประโยชน์ ไม่ต้องไปเสียเวลาลองผิดลองถูกได้ก็น่าจะดี  หรืออาจจะเป็นแนวทางให้ใครอีกหลาย ๆ คนได้เอาไปลองดูเผื่อจะเจอแนวทางที่ใช่หลังจากหามานานก็เป็นได้นะครับ    เอาจริง ๆ ผมว่าถ้าน้าแก้วจะเขียนเล่าสิ่งที่เจอมารวมถึงสิ่งที่ทำให้น้าแก้วได้บทสรุปในชุดของตัวเองนี้ ผมว่าเขียนได้เป็นหน้า ๆ แน่ครับ 

อาจเป็นที่ว่า เล่น ฟัง มาถึงจุดๆหนึ่ง แล้วย้อนกลับมามองตัวเอง แล้วได้อะไรบ้าง เงินก็เสียไป ได้แค่ความตื่นเต้นกลับมากับเสียงที่ต่างกันนิดๆหน่อยๆ
ความต่างนี้ (เครื่อง , สายต่างๆ) สู้หาแผ่น ทั้งซีดี แผ่นเสียง อัลบั้มแนวเพลงที่ชอบ แบบออริจินัล หรือเพลสที่ดีที่สุดของอัลบั้ม มาฟัง ยังจะดีกว่า ฟังเห็นผลกว่าฟังพวกเครื่อง , สาย  ซึ่งตรงนี้ ผมว่าผมหลุดจากวงจรนี้มาได้ น่าจะแบบถาวรแล้วครับ

ตอนนี้ผมหันมาวิ่งแบบจริงจัง (แต่ยังไม่ได้ระยะทางยาวๆ) เป้าหมายคือ ฮาร์ฟฯ แล่ะ ฟูลมาราธอน (อันหลังนี่ยากสุด ไม่น่าทำได้)
สุขภาพดีขึ้นอย่างมากๆ ดีกว่าตีแบดฯเสียอีก นน. ลดลง จากเกือบ 73 ตอนนี้ คงที่ที่ไม่ถึง 69 แล้ว
แต่ก็ยังเสียเงินอยู่ดี กับรองเท้าคู่ใหม่ๆ ที่ราคาก็ไม่ได้ถูกๆนัก

(ช่วงสามสี่เดือนก่อน สอยรองเท้ามือสอง มา 20 กว่าคู่ แต่ใส่วิ่งได้จริงๆ แค่ สองสามคู่ นอกนั้นใส่มาทำงาน แล่ะความจริงคือ รองเท้าเก่าที่อายุมากกว่า 3 ปี ขึ้นไป
ประสิทธิภาพ มันจะลดลงอย่างมาก ถ้าวิ่งน้อย กิโล ก็พอไหว แต่หากเกิน 5-6 โลขึ้นไป จะสู้ของใหม่ไม่ได้....555 นอกเรื่องครับ)

[Redrum]

มาลงชื่อรออ่านครับ

[ppman]

 

[Martra]

         อันนี้เป็นเพราะน้ามาท ใช้ลำโพงแบบฮอล ด้วยหรือเปล่าครับ   แล้วถ้าเทียบกับลำโพงแบบปรกติที่ไม่ใช่ฮอล แล้วสมารถทำให้เสียงเป็นแบบนั้นได้หรือเปล่าครับ   ผมเองก็เคยอยากได้เสียงแบบสด ๆ เช่นกันแต่ทำเป็นแค่การเซตลำโพงเอา สุดท้ายกลายเป็นเสียงมันจะขึ้นขอบจนฟังไม่ได้แทนครับ   

สปีดไดนามิคของปากฮอร์น + ดอกคอมเพรสเซอร์ ก็ส่วนหนึ่งครับ แต่ ดีเทล รายละเอียด โทนเสียง ความสมจริง ต้องได้ด้วย
ทำมากับมือ เกรดอะไหล่ตรงจุดที่สำคัญ มีผลจริงๆครับ

ถ้าเปรียบเทียบ แนวทาง Hiend สมัยนี้ กว่าจะรีดได้ต้องจ่ายหลัก หลาย....ไม่ใช่แสน
แนวทางไฮเอนด์ เจ็บปวดเสมอครับ 

[surapong]

เรื่องฟังเพลง เห็นด้วยกับข้อนึงของน้าแก้วคือ หาแผ่นดี ๆ (ซึ่งอาจจะไม่ใช่ต้นฉบับก็เป็นได้) ไม่ว่าแผ่นเสียงหรือซีดีหรือ แม้กระทั่งไฟล์เพพอลงดีๆ มาฟัง มันให้อรรถรสในการฟังเพลงมากขึ้นอีกเยอะเลยละครับ จนทำให้การฟัง software (เรียกตามฝรั่งมันหน่อย) ดี ๆ มองข้ามเรื่องเครื่องเรื่องสายไปเลยก็มีครับ  ส่วนเครื่อง ก็ปรับแต่งกันไปตามความต้องการแต่ละท่าน แต่ยังไงก็ขอให้รีดประสิทธิภาพของเดิมให้เต็มที่ก่อนครับ 

อย่างผม ฟังมาหลายปีอยู่ จนในที่สุดรู้ว่า เสียงที่ตัวเองชอบมันให้จากลำโพงวางหิ้งไม่ได้ ต้องมาจากลำโพงตู้ใหญ่แนววินเทจ ดอกใหญ่ แหลมเป็นฮอร์น กลางเป็นฮอร์น หน้ากว้างนิด ๆ  อะไรแบบนี้ครับ  พอได้มาจับแมทช์ เท่านั้น ความสุขในการฟังเพลงมันก็บังเกิดครับ เรื่องนี้ผมว่า ต้องใช้เวลาสะสมประสบการณ์พอสมควร ไม่มีทางลัดเป็นอันขาด

@น้าแก้ว เริ่มลงตามรายการยัง ผมว่า น้าแก้ววิ่งดูสาว ๆ มากกว่าละม้างงงงงงงงงงง ๕๕๕๕ ผมเองก็กลับมาวิ่งเหมือนกันครับ ตอนนี้วิ่ง zone เอาไขมันสะสมออกให้ได้เยอะที่สุดก่อน พยายามให้ได้สัปดาห์ละ 20km ขึ้นครับ  เรื่องรองเท้า no comment แต่ละคู่ ราคาบ้าเลือดน่าดู

[NooM]

ผมว่าเฉพาะค้นหาตัวเองให้เจอว่าชอบเสียงแบบไหน อาจจะไม่ง่ายนัก

สำหรับบางคนอาจจะไม่ยาก แต่บางคนอาจจะตรงกันข้าม( อย่างผมเป็นต้น )

อย่างเวลาไปฟังชุดไหนที่คุณภาพเข้าขั้น เซ็ทอัพดีๆ โทนเสียงจะแนวไหนก็แล้วแต่

ถ้าแมทช์ชิง เซทอัพได้เสียงออกมาลงตัว ฟังแล้วก็เป็นชอบไปหมด่

บางคนเล่นมาหลายปี เปลี่ยนเครื่องมาสารพัด จนเลิกเล่นไปแล้วก็ยังไม่รู้เลยก็มี

[vichien]

เรื่องฟังเพลง เห็นด้วยกับข้อนึงของน้าแก้วคือ หาแผ่นดี ๆ (ซึ่งอาจจะไม่ใช่ต้นฉบับก็เป็นได้) ไม่ว่าแผ่นเสียงหรือซีดีหรือ แม้กระทั่งไฟล์เพพอลงดีๆ มาฟัง มันให้อรรถรสในการฟังเพลงมากขึ้นอีกเยอะเลยละครับ จนทำให้การฟัง software (เรียกตามฝรั่งมันหน่อย) ดี ๆ มองข้ามเรื่องเครื่องเรื่องสายไปเลยก็มีครับ  ส่วนเครื่อง ก็ปรับแต่งกันไปตามความต้องการแต่ละท่าน แต่ยังไงก็ขอให้รีดประสิทธิภาพของเดิมให้เต็มที่ก่อนครับ 

อย่างผม ฟังมาหลายปีอยู่ จนในที่สุดรู้ว่า เสียงที่ตัวเองชอบมันให้จากลำโพงวางหิ้งไม่ได้ ต้องมาจากลำโพงตู้ใหญ่แนววินเทจ ดอกใหญ่ แหลมเป็นฮอร์น กลางเป็นฮอร์น หน้ากว้างนิด ๆ  อะไรแบบนี้ครับ  พอได้มาจับแมทช์ เท่านั้น ความสุขในการฟังเพลงมันก็บังเกิดครับ เรื่องนี้ผมว่า ต้องใช้เวลาสะสมประสบการณ์พอสมควร ไม่มีทางลัดเป็นอันขาด

@น้าแก้ว เริ่มลงตามรายการยัง ผมว่า น้าแก้ววิ่งดูสาว ๆ มากกว่าละม้างงงงงงงงงงง ๕๕๕๕ ผมเองก็กลับมาวิ่งเหมือนกันครับ ตอนนี้วิ่ง zone เอาไขมันสะสมออกให้ได้เยอะที่สุดก่อน พยายามให้ได้สัปดาห์ละ 20km ขึ้นครับ  เรื่องรองเท้า no comment แต่ละคู่ ราคาบ้าเลือดน่าดู

555 อยากจะบอกว่า การกลับมาวิ่งครั้งนี้เข้าคั่นบ้าเลยครับ วันไหนไม่ได้วิ่งนี่ เหมือนลงแดงเลยครับ นน.ตัว ตอนนี้คงที่ ที่ 68 แล่ะ จากเมื่อปลายปี เกือบ 73

ไม่วิ่งชมสาวๆแหล่ะ แต่ลงรายการไว้ รายการนึง 14km. แต่ไกลนิดนึง คือ นครนายก ดึงแฟนไปวิ่งด้วย ...แต่รายการนี้ยังคิดๆอยู่ ว่าจะไปดีป่าว เพราะไม่ได้จองที่พักไว้ หากไป ก็ต้องออกจากบ้าน ก่อน ตีสาม (จ่ายตังไปแล้ว 2ที่)
-ตอนนี้กำลังไล่ฟิต แต่เริ่มกลับไปเริ่มใหม่ ที่เป็นการวิ่ง zone 2 อยู่ครับ น้าสุ เป็นการเริ่มอย่างถูกวิธีที่สุด คุม hr , ฝึกให้อึดๆ โดยวิ่งไปช้าๆ แต่มาก ชม.
เป้าคือ ฮาร์ฟฯ แล้ว ไปต่อ ฟูลมาราธอน สักครั้งถ้าทำได้ครับ...ตอนนี้แบดฯแทบไม่ได้ตีเลย กำลังมันมาลงที่ขาเกือบหมดแล่ะ

พวกรองเท้า นี่ เปลี่ยนมาสองสามยี่ห้อ ตอนนี้กำลังเห่อกับ skechers ครับ เบาดี ซื้อมือ1 ที่ร้านเอาเล็ตเค้า ที่อัมรินทร์พลาซ่า ครับ ปี 16 ลดราคา จาก 4995 เหลือ 1490 กับอีกรุ่น หนักกว่านิด เหลือ 1990 บาท เป็นรุ่น skechers gomeb (รุ่น top สุดของเค้า แต่บ้านเรากลับไม่ค่อยรู้จัก เท่ารุ่น gorun) ใครๆอยากได้รองเท้าดีๆ แต่ปีเก่าไปสัก 1 ปี รีบมากันเลยครับ = ถอยมาสองคู่เลย จบ

[sunsern]

         อันนี้เป็นเพราะน้ามาท ใช้ลำโพงแบบฮอล ด้วยหรือเปล่าครับ   แล้วถ้าเทียบกับลำโพงแบบปรกติที่ไม่ใช่ฮอล แล้วสมารถทำให้เสียงเป็นแบบนั้นได้หรือเปล่าครับ   ผมเองก็เคยอยากได้เสียงแบบสด ๆ เช่นกันแต่ทำเป็นแค่การเซตลำโพงเอา สุดท้ายกลายเป็นเสียงมันจะขึ้นขอบจนฟังไม่ได้แทนครับ   

สปีดไดนามิคของปากฮอร์น + ดอกคอมเพรสเซอร์ ก็ส่วนหนึ่งครับ แต่ ดีเทล รายละเอียด โทนเสียง ความสมจริง ต้องได้ด้วย
ทำมากับมือ เกรดอะไหล่ตรงจุดที่สำคัญ มีผลจริงๆครับ

ถ้าเปรียบเทียบ แนวทาง Hiend สมัยนี้ กว่าจะรีดได้ต้องจ่ายหลัก หลาย....ไม่ใช่แสน
แนวทางไฮเอนด์ เจ็บปวดเสมอครับ 

น้า nirut ครับ เท่าที่ผมทดลองประเด็มมันอยู่ตรงนี้ครับ

1) ระบบอัดเสียงอย่างไรมันก็compress dynamic อยู่แล้ว มากบ้างน้อยบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เพลงไทย เพลงpop จะcompress เพื่อให้คนที่ใช้วิทยุกระเป๋าหิ้วก็ฟังได้ไพเราะเหมือนกับฟังhi fi

2) Horn มันจะเป็นตัวเพิ่ม dynamic เพื่อให้ชดเชยการอัดเสียง ดังนั้นเสียง horn จึงฟังดูสดกว่าโดยไม่จัด หากปรับเสียงลำโพงHi fi ให้เพิ่ม dynamic แบบ Horn เสียงมันจะจัดไปครับ

3) Horn มันไม่ได้ flat อย่างที่เราคิดครับ และมันมีเสียง harmoic ปนอยู่ด้วย ซึ่งคล้ายกับเสียงหลอดมันจะทำให้มีความกังวาลเพิ่มบ้าง มันคล้ายกับเครื่องหลอดทำให้ฟังเสียงบางเสียงได้ติดหู

4) ไม่ใช่ว่าเราจะทำเสียงจากเครื่อง Hi fi ให้มี dynamic เพิ่มแบบ Horn ไม่ได้ เพียงแต่ได้น้อยกว่าโดย
อย่างแรกคือ เครื่องขยายทั้งหมดต้องเป็นรุ่นที่มี Dynamic สูงและมีกำลังสำรองสูง(ไม่จำเป็นต้องมีวัตต์เยอะก็ได้) โดยเฉพาะด้านแรงดันไฟฟ้า แอมป์หลายตัวจะเป็นตัว compress dynamic เพื่อให้ดูเหมือนเสียงหนัก กำลังเยอะ ตัวอย่างแอมป์ที่กำลังไม่เยอะแต่มี dynamic ดีก็ NAD 3020 ตัวสร้างชื่อครับ
อย่างที่สอง ลำโพงต้องยอมรับว่ามันจะไม่flat และจะต้องยอมปรับให้ฟังไพเราะแค่ความที่ดังหนึ่งๆ เท่านั้น
อย่างที่สาม ต้องปรับโฟกัสเสียง(วางลำโพง)ให้เครื่องดนตรีมีขนาดตามจริง จะทำให้หูรับความรู้สึกได้ดีขึ้น
อย่างที่สี่ ห้องที่ใช้ฟังต้องเงียบพอที่จะรองรับการฟังที่มี dynamic 50-60dbได้ คือเสียงที่เราฟังดังสุดน่าจะประมาณ 90db เสียงเบาสุดที่ได้ยินคือ 30-40db ดังนั้นห้องต้องได้ด้วย เพื่อจะได้ฟังdynamicและรายละเอียดได้มากขึ้น

หากทำได้ประมาณนี้ก็จะดึง dynamic เพิ่มจากลำโพงHi fi ได้มากขึ้น เสียงไม่ได้ดังขึ้น เสียงไม่ได้จัดขึ้น แต่เสียงจะสดขึ้นครับ

[nirut]

   ขอบคุณน้า sunsern ที่แนะนำครับ    เรื่อง แอมป์ผมไม่แน่ใจว่าที่ผมใช้อยู่เป็นแบบ dynamic ดีหรือเปล่าครับ  เรื่อง ห้องฟังผมไม่น่าจะผ่านเลย  เพราะเป็นห้องในบ้าน ธรรมดา ไม่ได้ทำไว้เผื่อฟังเพลงครับ   ส่วนเรื่องเซตลำโพงให้ได้เสียงเครื่องดนตรีเท่าขนาดจริง อันนี้ผมสนใจมานานแล้ว น้า sunsern มีแผ่นเพลงไหนแนะนำไหมครับ ที่ใช้เซตให้เท่าขนาดเครื่องจริง ๆ ได้ครับ

[sunsern]

   ขอบคุณน้า sunsern ที่แนะนำครับ    เรื่อง แอมป์ผมไม่แน่ใจว่าที่ผมใช้อยู่เป็นแบบ dynamic ดีหรือเปล่าครับ  เรื่อง ห้องฟังผมไม่น่าจะผ่านเลย  เพราะเป็นห้องในบ้าน ธรรมดา ไม่ได้ทำไว้เผื่อฟังเพลงครับ   ส่วนเรื่องเซตลำโพงให้ได้เสียงเครื่องดนตรีเท่าขนาดจริง อันนี้ผมสนใจมานานแล้ว น้า sunsern มีแผ่นเพลงไหนแนะนำไหมครับ ที่ใช้เซตให้เท่าขนาดเครื่องจริง ๆ ได้ครับ

ไม่มีแผ่นแนะนำเลยครับ เพราะผมจะอลุ้มอล่วยกับทุกแผ่นครับ หลักการที่ผมทำคือการToe in ที่เกินจริงคือทำอย่างwillson แนะนำคือ Toe in แบบจุดตัดอยู่ตรงหน้าเราประมาณ 1-2 ฟุตครับ ผมลองในห้องผมมันได้ผลดี และแก้ปัญหาเรื่องresonanceห้องได้ด้วย แต่ห้องอื่นไม่แน่ใจครับ

เมื่อขนาดและมิติของแต่ละเครื่องดนตรีแต่ละตัวได้สัดส่วนกันแล้ว ผมจะเลือกความดังให้ได้ขนาดที่ตรงกับระยะเครื่องดนตรีตามจริงครับ จากนั้นค่อยมาปรับtonal balanceกันอีกรอบแบบละเอียด

มีนิดครับ คำว่าสเตอริโอมันไม่ใช่ ระบบสองทางหรือ double mono ครับ มันสามารถสร้างมิติ และขนาดเครื่องดนตรีได้จริง

[nirut]

   ขอบคุณน้า sunsern ที่แนะนำครับ    เรื่อง แอมป์ผมไม่แน่ใจว่าที่ผมใช้อยู่เป็นแบบ dynamic ดีหรือเปล่าครับ  เรื่อง ห้องฟังผมไม่น่าจะผ่านเลย  เพราะเป็นห้องในบ้าน ธรรมดา ไม่ได้ทำไว้เผื่อฟังเพลงครับ   ส่วนเรื่องเซตลำโพงให้ได้เสียงเครื่องดนตรีเท่าขนาดจริง อันนี้ผมสนใจมานานแล้ว น้า sunsern มีแผ่นเพลงไหนแนะนำไหมครับ ที่ใช้เซตให้เท่าขนาดเครื่องจริง ๆ ได้ครับ

ไม่มีแผ่นแนะนำเลยครับ เพราะผมจะอลุ้มอล่วยกับทุกแผ่นครับ หลักการที่ผมทำคือการToe in ที่เกินจริงคือทำอย่างwillson แนะนำคือ Toe in แบบจุดตัดอยู่ตรงหน้าเราประมาณ 1-2 ฟุตครับ ผมลองในห้องผมมันได้ผลดี และแก้ปัญหาเรื่องresonanceห้องได้ด้วย แต่ห้องอื่นไม่แน่ใจครับ

เมื่อขนาดและมิติของแต่ละเครื่องดนตรีแต่ละตัวได้สัดส่วนกันแล้ว ผมจะเลือกความดังให้ได้ขนาดที่ตรงกับระยะเครื่องดนตรีตามจริงครับ จากนั้นค่อยมาปรับtonal balanceกันอีกรอบแบบละเอียด

มีนิดครับ คำว่าสเตอริโอมันไม่ใช่ ระบบสองทางหรือ double mono ครับ มันสามารถสร้างมิติ และขนาดเครื่องดนตรีได้จริง

    ผมลองเปิดความดังให้เหมือนกับนักร้องมาร้องอยู่ด้านหลังลำโพงในห้องที่นั่งฟัง ก็ทำให้ได้เสียงที่สมจริงขึ้นอีกครับ   

[Moonoi]

ผมชอบเสียงที่ฟังสบายนะ โทนอุ่น หวาน

แต่ขอมีแรงปะทะกับไดนามิกด้วย

ที่สำคัญ  เวลาเล่นระนาดเอก  เสียงกลางต้องออกมาเป็นเสียงเคาะไม้  ไม่ใช้เสียงโลหะ (หาลำโพงที่ทำแบบนี้ได้ไม่ง่ายเลย)

 

[nirut]

ผมชอบเสียงที่ฟังสบายนะ โทนอุ่น หวาน

แต่ขอมีแรงปะทะกับไดนามิกด้วย

ที่สำคัญ  เวลาเล่นระนาดเอก  เสียงกลางต้องออกมาเป็นเสียงเคาะไม้  ไม่ใช้เสียงโลหะ (หาลำโพงที่ทำแบบนี้ได้ไม่ง่ายเลย)

 

   แบบนี้ต้องลองมาฟังที่บ้านผมดูครับน้าหมูน้อย   น่าจะทางเดียวกันเลย 

[kiang]

555 อยากจะบอกว่า การกลับมาวิ่งครั้งนี้เข้าคั่นบ้าเลยครับ วันไหนไม่ได้วิ่งนี่ เหมือนลงแดงเลยครับ นน.ตัว ตอนนี้คงที่ ที่ 68 แล่ะ จากเมื่อปลายปี เกือบ 73

ไม่วิ่งชมสาวๆแหล่ะ แต่ลงรายการไว้ รายการนึง 14km. แต่ไกลนิดนึง คือ นครนายก ดึงแฟนไปวิ่งด้วย ...แต่รายการนี้ยังคิดๆอยู่ ว่าจะไปดีป่าว เพราะไม่ได้จองที่พักไว้ หากไป ก็ต้องออกจากบ้าน ก่อน ตีสาม (จ่ายตังไปแล้ว 2ที่)
-ตอนนี้กำลังไล่ฟิต แต่เริ่มกลับไปเริ่มใหม่ ที่เป็นการวิ่ง zone 2 อยู่ครับ น้าสุ เป็นการเริ่มอย่างถูกวิธีที่สุด คุม hr , ฝึกให้อึดๆ โดยวิ่งไปช้าๆ แต่มาก ชม.
เป้าคือ ฮาร์ฟฯ แล้ว ไปต่อ ฟูลมาราธอน สักครั้งถ้าทำได้ครับ...ตอนนี้แบดฯแทบไม่ได้ตีเลย กำลังมันมาลงที่ขาเกือบหมดแล่ะ

พวกรองเท้า นี่ เปลี่ยนมาสองสามยี่ห้อ ตอนนี้กำลังเห่อกับ skechers ครับ เบาดี ซื้อมือ1 ที่ร้านเอาเล็ตเค้า ที่อัมรินทร์พลาซ่า ครับ ปี 16 ลดราคา จาก 4995 เหลือ 1490 กับอีกรุ่น หนักกว่านิด เหลือ 1990 บาท เป็นรุ่น skechers gomeb (รุ่น top สุดของเค้า แต่บ้านเรากลับไม่ค่อยรู้จัก เท่ารุ่น gorun) ใครๆอยากได้รองเท้าดีๆ แต่ปีเก่าไปสัก 1 ปี รีบมากันเลยครับ = ถอยมาสองคู่เลย จบ

ยินดีกับพี่แก้วด้วยครับ ที่หากีฬาเพื่อสุขภาพและสนุกไปด้วยได้

[Moonoi]

ผมชอบเสียงที่ฟังสบายนะ โทนอุ่น หวาน

แต่ขอมีแรงปะทะกับไดนามิกด้วย

ที่สำคัญ  เวลาเล่นระนาดเอก  เสียงกลางต้องออกมาเป็นเสียงเคาะไม้  ไม่ใช้เสียงโลหะ (หาลำโพงที่ทำแบบนี้ได้ไม่ง่ายเลย)

 

   แบบนี้ต้องลองมาฟังที่บ้านผมดูครับน้าหมูน้อย   น่าจะทางเดียวกันเลย 

ยินดีครับ  น้าโจ้พร้อมก็บอกนะครับ  ข่าวว่าธุรกิจยุ่ง  จนไม่มีเวลาว่างนิครับ

 

[tum55]

ชอบเบสมีแรงปะทะ มีความลื่นไหล มีฮาโมนิค และมีความสงัดครับ